Display mode (Doesn't show in master page preview)
Skip Ribbon Commands
Skip to main content
Financial Planning
ลงทุนอย่างไรในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี
ปี 2558 นับเป็นอีกหนึ่งปีที่การลงทุนมีความผันผวนสูงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวได้น้อยกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ โดยประเทศไทยก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีได้ โดย K-Expert มีคำแนะนำดังนี้ค่ะ

สำหรับตลาดหุ้นไทย ภาวะเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวกดดันให้กำไรของบริษัทที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เติบโตได้ไม่สูงมากนักในช่วง 1-2 ปีนี้ นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2558 ทำให้เม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนมีโอกาสไหลออกจากตลาดของประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทย ไปสู่ประเทศพัฒนาแล้วมากขึ้น การลงทุนในหุ้นไทยจึงควรเป็นการเลือกกลุ่มหุ้นที่มีแนวโน้มสร้างผลกำไรที่ดี โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ แนะนำให้ลงทุนกลุ่มหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น กลุ่มค้าปลีก กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มธนาคาร เป็นต้น ซึ่งบล.กสิกรไทยให้เป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้ที่ 1,470 จุด ส่วนเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยในปี 2559 อยู่ที่ 1,600 จุด

ส่วนคนที่มีการกระจายเงินลงทุนไปยังต่างประเทศคงมีคำถามเกิดขึ้นว่า ภูมิภาคไหนที่น่าสนใจลงทุน จากการที่สหรัฐฯ มีโอกาสจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Fed Fund Rate) ในปีนี้ ทำให้เม็ดเงินลงทุนมีโอกาสไหลเข้าสู่ประเทศพัฒนาแล้วที่มีพื้นฐานเศรษฐกิจที่ดีอย่างสหรัฐฯ และยุโรปมากขึ้น หากมองเจาะไปแต่ละประเทศเริ่มจากสหรัฐฯ การที่สหรัฐฯ สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ ก็ย่อมสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวได้ดี ส่วนยุโรปนั้น หลังจากที่มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ตั้งแต่ในช่วงต้นปี ทำให้เศรษฐกิจของยุโรปฟื้นตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ หากมองย้อนไปในอดีตที่สหรัฐฯ เคยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้งล่าสุด ผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป เป็นเวลา 1 ปี นับจากวันที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทย ดังนั้นการลงทุนในทั้ง 2 ตลาดข้างต้นจึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีค่ะ

การลงทุนทองคำยังเป็นรูปแบบการลงทุนที่แนะนำให้หลีกเลี่ยงอย่างต่อเนื่องค่ะ แม้ว่าราคาทองคำจะอยู่ในระดับที่ต่ำประมาณ 1,100 – 1,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ แต่ราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มอ่อนตัวลง เพราะการที่สหรัฐฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะทำให้การลงทุนตราสารหนี้สามารถให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น นักลงทุนจึงต้องการโยกเงินออกจากทองคำไปลงทุนตราสารหนี้ นอกจากนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่สหรัฐฯ มากขึ้น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จึงแข็งค่าขึ้น ทำให้ผู้ถือครองทองคำต้องการโยกเงินออกจากทองคำไปถือเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มากขึ้นอีกด้วยล่ะค่ะ

ไม่ว่าจะเลือกลงทุนในสินทรัพย์ประเภทไหน และมีความเสี่ยงมากหรือน้อยก็ตาม ควรติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและสภาวะการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนได้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้ค่ะ ติดตามบทความที่เกี่ยวข้องกับ “ลงทุนอย่างไรในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี” ได้ที่ www.askKBank.com/K-Expert หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับที่ปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย ได้ที่ K-Expert@kasikornbank.com และติดตามข่าวสารการเงินได้ที่ Twitter@KBank_Expert

AUTHOR


ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษา
ลูกค้าบุคคล (K-Expert)

RELATED STORY